วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เทคโนโลยีสารสนเทศ 2


ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติทำหน้าที่เสมือนสมองกลใช้สำหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์
ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์
  1.1 การปฏิบัติงานอัตโนมัติ (self acting) เป็นความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์ ในการประมวลผลข้อมูลตามลำดับคำสั่ง ได้อย่างถูกต้อง ต่อเนื่อง โดยอัตโนมัติ ตามคำสั่งและขั้นตอนที่ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นผู้กำหนดไว้
1.2 ความเร็ว (speed) เป็นความสามารถในการประมวลผลข้อมูลภายในเวลาที่สั้นที่สุด ความเร็วในการประมวลผลจะเป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ ความเร็วในการประมวลผลจะถูกกำหนดโดยหน่วยประมวลผลในซีพียู ซึ่งคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถประมวลผลได้มากกว่าล้านคำสั่งต่อวินาที
  1.3 การจัดเก็บข้อมูล (storage) เป็นความสามารถในการเก็บข้อมูลในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถจัดเก็บได้เป็นจำนวนมากและสามารถเก็บได้เป็นระยะเวลานาน
1.4 ความน่าเชื่อถือ (reliability) เป็นความสามารถที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมคำสั่งและข้อมูล เพื่อกำหนดความน่าเชื่อถือของคอมพิวเตอร์ นั่นคือ ถ้าป้อนคำสั่งหรือใช้ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ก็อาจจะได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร
  1.5 ความถูกต้องแม่นยำ (accuracy) เป็นความถูกต้องแม่นยำของการคำนวณของเครื่องคอมพิวเตอร์
  1.6 การทำงานซ้ำ ๆ (repeatability) เป็นความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถวนทำงานคำสั่งซ้ำๆ ได้ ขึ้นกับโปรแกรมที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ทำให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น
1.7 การติดต่อสื่อสาร (communication) เป็นความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถวนทำงานซ้ำๆ ได้ ขึ้นกับโปรแกรมที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ทำให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น


2. หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
  2.1 มีการรับข้อมูลคำสั่งเข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านหน่วยรับข้อมูล/คำสั่ง
  2.2  ข้อมูลจะถูกส่งต่อไปยังหน่วยประมวลผลกลางเพื่อทำการประมวลผลตามคำสั่งที่ตั้งไว้
  2.3 ในขณะที่ทำการประมวลผลหน่วยความจำหลักและทำหน้าที่เก็บคำสั่งต่างๆ ในการประมวลผล
  2.4 เมื่อประมวลผลเสร็จแล้ว ผลลัพธ์จะถูกเก็บที่หน่วยความจำสำรอง
  2.5 หน่วยแสดงผลทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์จากการประมวลผล

1. หน่วยรับข้อมูลเข้า (input unit)
  เป็นอุปกรณ์ที่ทำทำหน้าที่รับข้อมูล/คำสั่ง เข้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยรับข้อมูล ประกอบด้วย
  1.1 อุปกรณ์รับคำสั่งจากผู้ใช้  เพื่อสั่งการให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ได้แก่ เมาส์ (mouse) คีย์บอร์ด (keyboard) เป็นต้น







1.2อุปกรณ์ที่นำเข้าข้อมูลจากภายนอกเข้ามาสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น ข้อมูลภาพ ซึ่งอุปกรณ์นำเข้าข้อมูลเหล่านี้อาจจะต้องทำการจัดซื้อเพิ่มเติมโดยผู้ใช้ต้องทำการเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านี้เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นทำการโอนย้ายข้อมูลเข้ามาเพื่อทำงานต่อไป








4. หน่วยแสดงผล
  หน่วยแสดงผล (output unit) ทำหน้าที่รับข้อมูลจากหน่วยความจำซึ่งผ่านการประมวลผลแล้วมาแสดงในรูปแบบต่าง ๆ โดยอาศัยอุปกรณ์แสดงผล ดังนี้
  4.1 จอภาพ (monitor) จอภาพเป็นอุปกรณ์แสดงผลที่ใช้ตลอดเวลาเมื่อมีการใช้งานคอมพิวเตอร์ จอภาพสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ได้แก่ จอแอลซีดี และ จอแอลอีดี
  4.2 ลำโพง (speaker) เป็นอุปกรณ์แสดงข้อมูลที่เป็นเสียง
  4.3 เครื่องพิมพ์ (printer) เป็นอุปกรณ์แสดงผลที่จำเป็นต้องหาซื้อเพิ่มเติม ถ้าต้องการพิมพ์งานจากเอกสารต่าง ๆ
5. หน่วยติดต่อสื่อสาร
  หน่วยติดต่อสื่อสาร (communication unit) มีความสำคัญอย่างมากกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบัน เนื่องจากหน่วยติดต่อสื่อสารทำให้คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ รวมถึงการเชื่อมต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ต แบ่งได้ดังนี้
  5.1 หน่วยติดต่อสื่อสารที่เชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ ไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ประกอบด้วย พอร์ตวีจีเอ พอร์ตดีเอ็มไอ และบลูทูธ
5.2หน่วยติดต่อสื่อสารที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต แบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
    5.2.1 อุปกรณ์เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตแบบใช้สายสัญญาณ ประกอบไปด้วย การ์ดเน็ตเวิร์ค และโมเด็ม
    5.2.2 อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย

ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
ซอฟแวร์เป็นชุดคำสั่งที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ซึ่งการทำงานนั้นมีหลากหลายแตกต่างกันไป สามารถแบ่งประเภทของซอฟแวร์ได้  ดังนี้

1.1 ซอฟแวร์ระบบ (system software) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มาพ่วงต่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย
1.1.1 ระบบปฏิบัติการ (operating system: OS) เป็นกลุ่มของโปรแกรมทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์และผู้ใช้
1.1.2 โปรแกรมแปลภาษา (complier and interpreter) เป็นซอฟแวร์ที่ทำหน้าที่แปลภาษาโปรแกรมเมื่อมีการเขียนโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์เข้าใจรหัสคำสั่งที่ป้อนเข้าไป
1.1.3 โปรแกรมอรรถประโยชน์ (utilities program) เป็นซอฟแวร์ระบบที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ซอฟแวร์ในกลุ่มของ system tools

1.2 ซอฟแวร์ประยุกต์ (application software) คือ ซอฟแวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อประยุกต์กับงานที่ผู้ใช้ต้องการ แบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
1.2.1 ซอฟแวร์สำเร็จรูป (package software) เป็นซอฟแวร์ที่สามารถหาซื้อมาใช้งานได้สะดวก ติดตั้งและทำงานได้ทันที
1.2.2 ซอฟแวร์เฉพาะด้าน เป็นซอฟแวร์ที่บริษัทซอฟแวร์ทำการพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ตอบสนองกับความต้องการของผู้ใช้เฉพาะด้าน

2. แนวโน้มของการใช้ซอฟแวร์ในอนาคต
2.1 การแข่งขันกันทางด้านซอฟแวร์ที่ใช้สำหรับสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์แบบแท๊บเล็ตจะมีมากยิ่งขึ้น
2.2 ผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์แท๊บเล็ตจะทำการดาวน์โหลดซอฟแวร์ต่าง ๆ ผ่านแอพพลิเคชั่นสโตร์มากยิ่งขึ้น
2.3 การเข้าใช้งานซอฟแวร์ทำได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นซอฟแวร์ที่ติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ๆ โดยตรง
2.4การใช้งานซอฟแวร์ผ่านการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (cloud computing) มากยิ่งขึ้น
2.5มีการใช้งานซอฟแวร์ในรูปแบบของบริการมากยิ่งขึ้น (Software as a Service: SaaS)
2.6จะมีการผสมผสานการใช้งาน ระหว่างการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆสมาร์ทโฟน และเครือข่ายสังคมออนไลน์ ในการทำงานขององค์กรมากยิ่งขึ้น

การบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์

1. ทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยผ้าแห้งทุกครั้ง
2. ต้องทำความสะอาดเครื่องขณะที่ปิดเครื่องเท่านั้น
3. ในกรณีที่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ควรจัดวางคอมพิวเตอร์ในที่ปลอดโปร่ง ไม่ควรตั้งในมุมอับ เพราะจะทำให้การระบายความร้อนของพัดลมระบายอากาศทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
4. ในกรณีที่ใช้สเปรย์ ไม่ควรฉีดน้ำยาลงที่เครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง
5. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำและกินของขบเคี้ยวใกล้คอมพิวเตอร์
6. ในกรณีที่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา ควรจัดหาซอฟต์เคสสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อป้องกันการกระแทกจากการตกหล่นของเครื่องคอมพิวเตอร์
7. ยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สำหรับคอมพิวเตอร์แบบพกพา โดยการปิดโปรแกรมที่ไม่จำเป็นต้องใช้งานทุกครั้ง ปิดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ เช่น ปิดการใช้งานบลูทูธ และปิดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกครั้งเมื่อหยุดใช้งาน 




THE END ^___^
















วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทนำ

บทที่ 1


                  ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว และสารสนเทศสนเทศได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในทุกระดับ ตั้งแต่ระบบสังคม องค์การธุรกิจ  เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถช่วยในการดำเนินชีวิตและดำเนินกิจกรรมต่างได้สะดวกและมีประสิทธิภาพ
การที่จะกล่าวถึงความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นจำเป็นต้องทราบถึงความหมายของ2คำคือ สารสนเทศและข้อมูล ซึ่งข้อมูลนั้นหมายถึง เหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน สารสนเทศหมายถึง การนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาประมวลผลวิเคราะห์ สรุปจนพอสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้  

เทคโนโลยีสารสนเทศ มีกำเนิดมาจาก เทคโนโลยี+สารสนเทศ เทคโนโลยี หมายถึง ประดิษฐกรรมที่มีวามสัมพันธ์กับการผลิต การประมวลผล และจำแนกแจกจ่าย เทคโนโลยีเรียกสั้นๆว่า IT มาจากคำว่า Information Technology ต่อมาได้เรียกว่า ICT เริ่มนำมาใช้โดยคณะกรรมาธิการการศึกษาของรัฐสภาอังกฤษ  เนื่องจากได้เห็นว่าการใช้คำว่า ITหรือเทคโนโลยีสารสนเทศ ยังขาดความชัดเจนควรเพิ่ม Communication เข้าไปด้วย 
การพัฒนาการด้านการสื่อสารเริ่มต้นที่อิตาลีซึ่งได้เริ่มจากการทำหนังสือพิมพ์รายเดือน ต่อมาได้เกิดแม๊กกาซีน ขึ้นฉบับแรกในเยอรมัน องค์ประกอบเทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ คือ เทคโนโลยีเพื่อการประมวลผล คือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเมคโนโลยีเพื่อการเผยแพร่คือเทคโนโลยีสื่อสารและโทรมนาคม

เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยเทคโนโลยีฮาร์ดวร์และซอฟต์แวร์
     1.1 ฮาร์ดแวร์ ประกอบด้วย5อย่างสำคัญ คือ 
1.1.1 หน่วยรับข้อมูล ทำหน้าที่รับข้อมูลจากภายนอกคอมพิวเตอร์เข้าสู่หน่วยความจำ
1.1.2 หน่วยประมวลผลกลาง ทำหน้าที่ในการประมวลผลตามคำสั่งของโปรแกรมที่เำก็บอยู่ในหน่วยความจำหลัก
1.1.3 หน่วยควมจำ เป็นส่วนที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลหรือคำสั่งที่ได้รับจากหน่วยรับข้อมูลดพื่อเตรียมส่งให้หน่วยประมวลผลกลางประมวลผลตามโปรแกรมคำสั่งและเก็บผลลัพธ์ หน่วยความจำมี 2 ส่วนหลักคือ หน่วยความจำหลักกับหน่วยความจำรอง
1.1.4 หน่วยติดต่อสื่อสาร เป็นอุปกรณที่ใช้เชื่อมโยงคอมให้สามารถสื่อสารกันเช่น โมเด็ม และการ์ดแลน เป็นต้น
1.1.5 หน่วยแสดงผล ทำหน้าที่ ส่งออกข้อมูลที่ได้จากการประมวลผล เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์และลำโพง เป็นต้น 
     1.2 ซอฟ์แวร์ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญและจำเป็นมากในการคุมการทำงาน ซอฟต์แวร์แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ
1.2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ มีหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ภายในระบบคอมเป็ตัวกลางระหว่างผู้ใช้คอมหรือฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์แบ่งเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ 
1. โปรแกรมระบบปฎิบัติการ ใช้ควบคุมคอมและอุปกรณ์เชื่อต่อ
2. โปรมแกรมอรรถประโยชน์ ใช้ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้คอมในระหว่างการประมวลผลข้อมูล
3. โปรแกรมภาษา ใช้ในการแปลความหมายของคำสั่ง
1.2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ เป็นโปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อทำงานเฉพาะด้านความต้องการ ซึ่งประกอบ 2 ชนิด คือ 
1. ซอฟต์แวร์ประยุกต์เพื่อใช้งานทั่วไป เป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้งานทั่วไป ไม่เจาะจงประเภทของธุรกิจ
2.ซอฟต์แวร์ประยุกต์เฉพาะงาน เป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในธุรกิจเฉพาะ

การกำเนิดคอมพิวเตอร์เมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้ว เป็นก้วสำคัญที่นำไปสู่ยุคสารสนเทศ ในช่วงแรกมีการนำเอาคอมมาใช้เป็นเครื่องคำนวณ แต่ต่อมาได้มีความพัฒนาให้คอมเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับใช้จัดการข้อมูล เมื่อเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ได้ก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้สามารถสร้างคอมที่มีขนาดเล็กลงแต่ประสิทธิภาพสูงขึ้น สภาพการใช้งานจึงใช้งานกันอย่างแพร่หลาย